ย้อนกลับไปในสมัยที่ยังไม่มี iPhone ในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่ได้ว่าอะไรมากนักเพียงแค่มีดีไซน์สวยๆมีกล้องในตัวก็ถือว่าดีมากแล้วแต่ถ้าว่าในปี 2007 Apple ได้เปิดตัว iPhone ตัวแรกอย่างเป็นทางการมันก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก
มันมีดีไซน์ที่สวยงามอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย และเมื่อปี ค.ศ. 2007 นี่เองที่ทาง IPhone ได้รับรางวัลแห่งปีจากนิตยสารไทม์ซึ่งแทบจะไม่มีใครคัดค้านแต่อย่างใดอีกทั้งการมาของ iPhone
ในปีนั้นก็สร้างความลึกลับให้กับผู้ผลิตมือถือมากมายเนื่องจากในแง่ของการแข่งขันมันคือสิ่งที่กำลังบอกเขาว่าอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ
เรื่องจริงเกี่ยวกับ ไอโฟน กำลังจะเปลี่ยนไปแต่พวกเขาต้องรีบพัฒนาสินค้าของตัวเอง
Click Wheel เมื่อพูดถึง iPod หลายคนก็น่าจะนึกถึง Click Wheel ที่เป็นเอกลักษณ์อันโด่งดัง แต่คุณทราบไหมคะว่าก่อนที่จะได้ดีไซส์สุดท้ายของไอโฟนนั้นออกมาทาง Apple เอง
ก็เคยพัฒนาต้นแบบที่มีการใช้คือเข้าไปดูเองโดยพวกเขาคิดว่ามันน่าจะสะดวกดีเมื่อผู้ใช้งานเลือกดูรายชื่อปฏิทินและสิ่งต่างๆภายในโทรศัพท์
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาทดลองใช้งานจริงก็พบว่ามันคือการใช้งานที่กินเวลานานมากเกินไปและทำการถอดซิลิโคนออกไปนั่นเอง
ปี 2017-2018 บริษัทแอปเปิ้ลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่พวกเขาต้องแจ้งออกซอฟต์แวร์ที่ ทำให้ iPhone รุ่นเก่าช้าลงซึ่มีผู้ใช้งานจำนวนมากสังเกตเห็นว่า iPhone
กับพวกเขาจะช้าลงอย่างเห็นได้ชัดว่ามี iPhone รุ่นใหม่ออกมาถึงทาง Apple ก็ออกมายอมรับว่าพวกเขาทำไมมันช้าลงจริงๆแต่เป็นไปเพราะเหตุผลเกี่ยวกับแบตเตอรี่โดยพวกเขาได้กล่าวว่าในโฟลเดอร์ 1987 จะเริ่มเสื่อมสภาพเป็นธรรมดาและเพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่พวกเขาจึงได้ออก Software Update
ที่ทำให้ตัวเครื่องทำงานช้าลงซึ่งสิ่งนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากจนนำไปสู่การฟ้องร้องกันใหญ่โต ดูบอลสด ในที่สุด ภายในปี 2020 ที่ผ่านมาApple ก็ยอมจบปัญหานี้โดยการจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบรวมแล้วคิดถึงอ้วนมากถึง 300- 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
ความจงรักภักดีต่อแบรนด์สหรัฐอเมริกานั้นจะใช้เป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดขึ้นมาแต่ยังเป็นตลาดขนาดใหญ่ของ Apple เช่นเดียวกันซึ่งจากการประเมินในปี 2021 นี้ผมว่าน่าจะมีผู้ใช้งาน iPhone ในสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 113 ล้านคนและจากการสำรวจในปี 2020
ผู้ใช้ iPhone มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ที่สูงมากๆสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งอยู่ที่ 9.9 เปอร์เซ็นต์หรือพูดง่ายๆว่ากูใช้ iPhone 91.9% แต่ยังคงซื้อให้ทนต่อไปเมื่อพวกเขาต้องการเปลี่ยนมือถือใหม่และมีเพียง 8.1% เท่านั้นที่จะเปลี่ยนใจไปใช้แบรนด์อื่นอันดับยี่ห้อ iPhone